ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่าเทียบยูโร-ปอนด์ ขานรับข้อมูลศก.สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (22 ก.พ.)

หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.01% แตะที่ 104.5868

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0596 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0601 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2017 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2037 ดอลลาร์

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9335 ฟรังก์ จากระดับ 0.9315 ฟรังก์ แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 134.64 เยน จากระดับ 134.95 เยน

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3547 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3565 ดอลลาร์แคนาดา และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดน ที่ระดับ 10.4303 โครนา จากระดับ 10.4327 โครนา

การเงิน ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 192,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 200,000 ราย

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2565 โดยระบุว่า ตัวเลข GDP ขยายตัว 2.7% ซึ่งแม้ว่าต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่มีการขยายตัว 2.9% แต่ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง

นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ โดยดัชนี PCE สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลดัชนี PCE ประจำเดือนม.ค.ในวันนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย

ข่าวการเงินเพิ่มเติม>>>>ทองคำปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 หลังเผยเลข CPI หนุนตลาด

ทองคำปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 หลังเผยเลข CPI หนุนตลาด

ทองคำปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 หลังเผยเลข CPI หนุนตลาด

ราคาทองคำขยับขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อของผู้บริโภคในสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าแรงกดดันด้านราคาผ่อนคลายลงตามที่คาดไว้ในเดือนธันวาคม ทำให้มีการคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขนาดที่ช้าลงจากธนาคารกลางสหรัฐฯ

ราคาทองแดงก็ปรับตัวขึ้นเช่นกันในวันศุกร์ และกำลังมุ่งหน้าสู่สัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบกว่าสองเดือน ท่ามกลางการมองโลกในแง่ดีที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดพื้นที่เศรษฐกิจอีกครั้งในประเทศจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่

ราคาทองคำพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่าแปดเดือนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากเทรดเดอร์อยู่ในตำแหน่งที่ยแรงกดดันเริ่มผ่อนคลายลงจากเงินดอลลาร์และผลตอบแทนของพันธบัตรในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ราคา สปอตทองคำ เพิ่มขึ้น 0.1% เป็น 1,898.86 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ ทองคำฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.2% เป็น 1,902.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 19:34 ET (00:34 GMT) ตราสารทั้งสองถูกกำหนดให้เพิ่มขึ้นเกือบ 2% ในสัปดาห์นี้

การเงิน

ค่าเงินดอลลาร์ ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อเทียบกับกลุ่มสกุลเงินในวันศุกร์ หลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของ ดัชนีราคาผู้บริโภค สหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับที่เติบโตช้าที่สุดในรอบปีช่วงเดือนธันวาคม แนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงมีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้เฟดการดำเนินการทางการเงินที่เข้มงวดลงในที่สุด

ความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ได้กระตุ้นให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคม เนื่องจากแรงกดดันได้ผ่อนคลายลงสำหรับทองคำหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดปี 2022

ขณะนี้ตลาดกำลังกำหนดราคาใน โอกาสเกือบ 95% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐานในการประชุมเดือนกุมภาพันธ์ ตามเครื่องมือ Fedwatch ของ CME Group

ในบรรดาโลหะอุตสาหกรรม ราคาทองแดงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์ และจะทำกำไรเมื่อสิ้นสุดสัปดาห์ หลังจากที่จีนเพิ่งเปิดพรมแดนระหว่างประเทศอีกครั้งหลังจากปิดประเทศเป็นเวลา 3 ปี

ราคา ทองแดงฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.1% เป็น 4.1755 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนและจะสิ้นสุดสัปดาห์เพิ่มขึ้นเกือบ 7% ในสัปดาห์นี้

การเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศจีนคาดว่าจะฟื้นตัวในที่สุดปีนี้ ผลักดันความต้องการทองแดงทั่วโลกให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง เนื่องจากประเทศเพิ่มการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่แนวโน้มในระยะสั้นยังคงไม่แน่นอน เนื่องจากจีนกำลังเผชิญกับการระบาดของโควิด19 ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา

อุปทานอาจหยุดชะงักจากความรุนแรงทางการเมืองในประเทศผู้ผลิตทองแดงเป็นอันดับ 2 ของโลกอย่างเปรู ซึ่งคาดว่าทองแดงจะได้รับแรงหนุนในระยะสั้นจากเหตุการณ์นี้

แนะนำข่าวการเงินเพิ่มเติม : CHAYO ยิ้ม ดีมานด์ขอสินเชื่อพุ่ง ดันยอดปล่อยกู้ทั้งปีทะลุ1พันล้าน

CHAYO ยิ้ม ดีมานด์ขอสินเชื่อพุ่ง ดันยอดปล่อยกู้ทั้งปีทะลุ1พันล้าน

ชโย คาด แบงก์แห่ขายหนี้เสียไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้าน ในไตรมาส4ปีนี้ หวังได้หนี้มาบริหารอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท คาดปิดดีลแบงก์ จัดตั้งเจวีเอเอ็มซีปีนี้อย่างน้อย1รายปีนี้ ลั่นยอดปล่อยกู้ทะลัก คนขาดสภาพคล่อง

นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO กล่าวว่าสถานการณ์หนี้เสีย หรือหนี้เอ็นพีแอลปัจจุบันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไตรมาส 4ปีนี้

ส่งผลให้คาดการณ์ว่าจะมีหนี้เสียจากธนาคารพาณิชย์ (แบงก์)ที่จะนำออกประมูลไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้าน จากปัจจุบันที่มีแบงก์นำหนี้เสียออกมาประมูลขายแล้วราว 5 หมื่นล้านบาทในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ดังนั้นคาดว่าทั้งปีจะมีหนี้เสียออกขายในตลาดไม่ต่ำกว่า 1แสนล้านบาท

เรื่องการเงิน

ส่วนการจับมือกับแบงก์เพื่อจัดตั้งบริษัทบริหารหนี้เสีย หรือ JVAMC ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับแบงก์ 2-3ราย โดยคาดว่าปีนี้ จะเห็นการประกาศร่วมมือกับแบงก์ได้อย่างน้อย 1 ราย

โดยหากดีลจบ การเข้าไปบริหารหนี้เสียจะต้องจัดตั้งเป็นบริษัทร่วมทุน หรือ JVAMC เพื่อให้การโอนหนี้เสียออกจากแบงก์ทำได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้การถือหุ้นบริษัทร่วมทุนคาดว่าจะเป็น การถือหุ้นร่วมกัน 50:50%

ทั้งนี้ ในส่วนการปล่อยสินเชื่อของบริษัท ปัจจุบัน พบว่าดีมานด์ปรับสูงขึ้นมาก จากการขาดสภาพคล่องของประชาชน และภาคธุรกิจ ทำให้เห็นการขอสินเชื่อเข้ามาต่อเนื่อง ทั้งสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง และสินเชื่อสำหรับภาคธุรกิจ

โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 600 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าทั้งปียอดการปล่อยสินเชื่อน่าจะแตะระดับ 1-1.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดหากเทียบกับปี 2563ที่ผ่านมา ที่ยอดปล่อยสินเชื่อรวมเพียง 300ล้านบาท

“จากความต้องการสินเชื่อค่อนข้างมาก ส่งผลให้ปัจจุบันมีการหลอกลวงผ่านโซเชียล ปลอมเป็นบริษัท ในการให้สินเชื่อ ส่งผลให้มีลูกค้าได้รับความเสียหายแล้วบางส่วน ซึ่งส่วนนี้บริษัทได้มีการออกประกาศเตือนไม่ให้หลงเชื่อออกมาต่อเนื่อง เพราะการอนุมัติสินเชื่อที่ถูกต้องจะไม่มีการเรียกเก็บเงินก่อนให้สินเชื่อ